วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร แกงอ่อมปลาดุก


สูตรการทำอาหาร เมนูรสแซบ แนวอีสานแท้ ๆ “แกงอ่อมปลาดุก” การอ่อมก็คล้ายๆ กับแกงคั่ว แต่จะมีลักษณะน้ำข้น ใส่ผักหลายชนิดรวมกัน สามารถนำเนื้อสัตว์ทุกชนิด มาทำเป็นแกงอ่อมได้ ในการทำแกงอ่อมของทางภาคอีสานนิยมใส่ใบมะระขี้นก จะให้รสชาติขม และเพิ่มความเป็นอาหารอีสานด้วยน้ำปลาร้า


สูตรอาหารอีสาน วิธีทำแกงอ่อมปลาดุก นำปลาดุกมาล้างให้สะอาด เสร็จแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ พักไว้ จากนั้นเราก็มาเตรียมเครื่องแกง สำหรับทำแกงอ่อมโดยการนำ พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ตะไคร้หั่น นำมาโขลกรวมกันเติมเกลือลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ตำละเอียดง่ายขึ้น จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำเปล่า รอให้เดือดใส่เครื่องแกง ข้าวเบือ (ข้าวเหนียวแช่น้ำที่ตำละเอียด) เพื่อให้น้ำแกงมีความข้นเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ปลาร้าเป็นวัตถุดิบหลัก สำหรับการทำอาหารอีสานที่ขาดไม่ได้ เสร็จเติมผักลงไป แนะนำว่าควรใส่ผักที่สุกช้าลงไปก่อน เช่น มะเขือพวง มะเขือเปราะ ชิมรสถ้าแกงอ่อมจืดไป เติมปลาร้าหรือน้ำปลาเพิ่มได้ แล้วใส่เนื้อปลาดุกที่สับเป็นชิ้นลงไปในหม้อแกง พยายามไม่คน เพราะจะทำให้มีกลิ่นเหม็นคาวปลา รอสักพักให้ปลาสุก จึงเติมผักชีลาว ต้นหอม หรือผักอื่นๆ อีกก็ได้ ใส่ใบแมงลักสุดท้าย ใช้ทัพพีกดให้ผักจมน้ำ ปิดฝาหม้อไว้สักครู่ให้ผักสุก ตักเสิร์ฟ ร้อนๆ ทานกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวย


สูตรทำอาหาร อีสานง่ายๆ ในการทำแกงอ่อมปลาดุก ชาวบ้านจะนิยมใส่ยอดผักต่างๆ ลงไป เช่น ใส่ใบพริก ยอดฟักทอง ใบตำลึง ผักชีลาว ซึ่งยอดผักต่างๆ มีประโยชน์มากมายทั้ง ใยอาหาร เบต้าแคโรทีน ที่จะเปลี่ยนมาเป็นวิตามินเอในร่างกายของเรา รวมทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย เป็นเมนูอาหารอีสานรสแซบที่คนนิยมทานกับข้าวเหนียว และยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพอีกด้วย

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร ก้อยไข่มดแดง


สูตรการทำอาหาร ก้อยไข่มดแดง”เป็นเมนูอาหารของชาวอีสาน ไข่มดแดงที่หายากพอสมควร เพราะไข่มดแดงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีน้อยลง แถมราคาก็แพงมาก ลักษณะของไข่มดแดง เป็นไข่ผสมกับตัวอ่อนในระยะดักแด้ ไข่มดแดงให้ประโยชน์ทางด้านโภชนาการมากมาย มีโปรตีนสูง นอกจากนี้ไข่มดแดงยังมีปริมาณไขมัน และแคลอรี่น้อยมาก เมื่อเทียบกับไข่ไก่ นอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ไข่มดแดงยังสามารถนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารได้หลายประเภท ได้แก่ ยำไข่มดแดง ก้อยไข่มดแดง ห่อหมกไข่มดแดง ต้มยำปลาช่อนไข่มดแดง ห่อหมกไข่มดแดง แกงขี้เหล็กไข่มดแดง ทอดใส่ไข่มดแดง เป็นต้น

สูตรอาหารอีสาน วันนี้ขอนำเสนอเมนูที่ทำง่าย อร่อยและให้โภชนาการสูง คือ ก้อยไข่มดแดง วิธีทำไม่ยุ่งยากเริ่มจากนำไข่มดแดงที่ได้มา ล้างให้สะอาดต้องทำเบามือ เพราะไข่จะแตก รอให้สะเด็ดน้ำ นำไข่มดแดงใส่ลงในชามปรุง เติมพริกป่น หรือพริกสดหั่น มากน้อยตามความเผ็ด ใครที่ไม่ชอบรสจัดก็ลงปริมาณลงตามความเหมาะสม ตามด้วยข้าวคั่ว น้ำปลา ผงชูรส และน้ำมะนาว ปรุงรสปรับรสชาติตามความชอบ เสร็จแล้วเติมหอมแดงหั่นแว่น ผักชีฝรั่ง หรือต้นหอมหั่นฝอย คนเบาๆ ให้เข้ากัน ตักเสิร์ฟใส่จานตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ ได้เป็นเมนูอีสานรสแซบ ก้อยไข่มดแดง ทานกับข้าวเหนียว และผักเคียง


สูตรทำอาหาร เมนูนี้บางสูตรจะใส่ตัวมดแดง หรือที่เรียกว่า แม่เป้ง เพื่อให้เกิดรสเปรี้ยวที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งเราสามารถมาใช้แทนได้โดยไม่ต้องใส่น้ำมะนาว การทำก้อยไข่มดแดง ก็คล้ายๆ กับการทำลาบหมู หรือลาบทั่วๆ ไป เมนูอร่อยที่ได้คุณค่าทางโภชนาการ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญ การนำไข่มดแดงมาปรุงอาหารต้องล้างให้สะอาด ก่อนนำมาปรุงประกอบอาหาร จะช่วยป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรคได้

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรทำอาหาร ปลาร้าบอง


สูตรการทำอาหาร เมนูอีสานแท้ๆ ปลาร้าบอง ทำง่าย และเป็นอาหารพื้นบ้านที่คนนิยมชอบทานกับผักลวกนานาชนิด ให้รสชาติอร่อย และให้เอกลักษณ์ของความเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวอีสาน ในการปรุงแต่งอาหารเก็บไว้ได้นาน และมีหลากรสชาติ ซึ่งในทุกครัวเรือนจะทำปลาร้าบอง หรือแจ่วบอง ไว้ทานเองเกือบทุกบ้าน อยู่ที่ว่าสูตรของใครจะให้รสชาตีที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความชอบ

สูตรทำอาหาร ปลาร้าบองให้อร่อยเด็ด ก็จะมีสมุนไพรต่าง ๆ เป็นส่วนผสมไม่ว่าจะเป็น หอม กะเทียม ข่า ตะไคร้ พริก มะขามเปียก ซึ่งล้วนแล้วแต่ให้สรรพคุณในการเป็นยาสมุนไพรทั้งนั้น

ส่วนผสมเครื่องปรุงและวิธีทำ ปลาร้าบอง
1.ปลาร้า ใช้ปลาร้าที่ทำจากปลาช่อน นำมาล้างทำความสะอาด และสับให้ละเอียด แล้วนำไปนึ่งให้สุก
2.พริกขี้หนูแห้ง หอมแห้ง กระเทียม ตะไคร้หั่นฝอย ข่าหั่นเป็นแว่น ใบมะกรูดหั่นฝอย นำไปคั่วให้สุกพอหอม
3. น้ำมะขามเปียก
4. นำเนื้อปลาร้าที่นึ่งสุก มาโขลกรวมกับเครื่องเทศที่คั่วแล้ว มีพริกแห้ง หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด โขลกให้ละเอียดปรุงรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะขามเปียก แทนการใช้มะนาว ถ้าใช้มะนาวปลาร้าบองจะเน่าเสียได้ง่าย เมื่อปรุงรสได้ตามที่ชอบ ตักบรรจุภาชนะ เก็บไว้ในตู้เย็นเก็บได้นานเป็นเดือน



สูตรอาหารอีสาน การทำปลาร้าบอง ปลาร้าที่นำมาทำต้องสะอาด ผ่านการหมักมาไม่น้อยกว่า 1 ปี และควรใช้ปลาร้าปลาช่อน เพราะมีเนื้อนุ่มและหาได้ง่ายตามท้องตลาด ปลาร้าบอง เป็นอาหารพื้นเมืองของไทยเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ มีเส้นใยสูง เพราะนิยมทานคู่กับผักสดและผักนึ่งสุก มีคุณค่าทางโภชนาการทั้ง วิตามิน เกลือแร่ เอนไซม์ กรดไขมัน แถมยังเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ และพัฒนาให้อาหารไทยอยู่คู่คนไทยตลอดไป

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรทำอาหาร แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง


สูตรการทำอาหาร "แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง" เป็นอาหารอีสานตามฤดูกาล ถ้าเป็นผักหวานจะออกปีละครั้ง เช่นเดียวกันกับไข่มดแดง ในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม และมีราคาสูงมาก ปัจจุบันมีการพัฒนาการปลูกผักหวานให้ออกนอกฤดูกาล ปลูกง่ายและเติบโตเร็ว อายุต้นประมาณ 2 ปี ก็สามารถเก็บผลผลิตได้  


สูตรทำอาหาร อีสานในเมนูต่างๆ เครื่องปรุงก็จะคล้ายๆ กันในส่วนประกอบของเครื่องแกงก็จะมี พริกแห้ง ข่า เกลือ กะปิ กระเทียม หอมแดงเป็นต้น ต่อไปก็จะเป็นวัตถุดิบหลักๆ ของเมนูนี้ ยอดผักหวานป่า ใบแมงลัก ไข่มดแดง เนื้อปลาช่อน หรือปลาแห้ง แล้วแต่ชอบจะเลือกไม่ใส่ก็ได้

 

วิธีการทำแกงผักหวานใส่ไข่มดแดง
1.โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกัน ตั้งหม้อเติมน้ำ รอให้เดือดใส่เครื่องแกงลงไป ตามด้วยปลาช่อน หรือปลาแห้ง
2. ใส่ผักหวานป่า ไข่มดแดง ปรงรสด้วยปลาร้า น้ำปลา หรือเกลือ
3. พอผักเริ่มสุก ใส่ใบแมงลัก ปิดไฟ หรือใครชอบเครื่องเยอะ อาจใส่วัตถุดิบอื่นๆ เพิ่มได้ เช่น เห็ดขอนขาว เห็ดฟาง เป็นต้น เมื่อแกงสุกตักใส่ถ้วยพร้อมทาน ซดร้อนๆ แซบอร่อยในฉบับอาหารอีสาน

สูตรอาหารอีสาน เมนูนี้ถือได้ว่าเป็นเมนูที่เต็มไปด้วยสมุนไพรอีกเมนูหนึ่ง เนื่องจากผักหวานป่าเป็นผักพื้นบ้าน ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีธาตุอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามิน และเกลือแร่ ในผักหวานจะสูงกว่าผักชนิดอื่น ไข่มดแดง ก็เช่นกันมี โปรตีน ไขมัน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โซเดียม โปตัสเซียม วิตามินบี1 วิตามินบี2 และไนอาซีน ถึงแม้ว่าวัตถุดิบในการทำแกงผักหวานใส่ไข่มดแดง นอกจากจะมีราคาแพง แถมยังหายากอีกด้วย ยิ่งเป็นไข่มดแดง ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 500 บาท แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง จึงถือได้ว่าเป็นเมนูอาหารอีสานสุดหรูอีกเมนูหนึ่ง


สูตรการทำอาหาร ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้มแจ่ว


สูตรการทำอาหาร ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้มแจ่ว ปลาเนื้ออ่อนเป็นปลาน้ำจืดไม่มีเกล็ด ลักษณะส่วนตัวจะคล้ายกับปลาชะโอน พบได้ในหลายๆ ภาคทั่วประเทศ นับว่าเป็นปลาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เพราะคนนิยมนำมาประกอบอาหาร มีรสชาติอร่อย กลิ่นคาวก็น้อย สามารถนำมาเป็นอาหารได้หลายประเภท ทั้งทอด ต้ม นึ่ง จะนำไปอบให้ร้อน ทานกับน้ำจิ้มปลาธรรมดายังอร่อย หรือทำเป็นปลากรอบ ต้มโคล้งก็อร่อยได้เช่นกัน นับว่าเป็นวัตถุดิบ ที่สามารถรังสรรค์ออกมาได้หลายเมนู

ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้มแจ่ว เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวอีสานหาได้ง่ายตามแม่น้ำจืดใหญ่ๆ เป็นปลาที่ทานง่าย ก้างก็น้อยปลาเนื้ออ่อนสดสามารถทำอาหารได้หลายเมนู สูตรอาหารอีสาน เมนูนี้โดยการนำปลาเนื้ออ่อน มาล้างทำความสะอาด ใช้มีดบั้งลำตัวปลาให้เป็นแนวขวางทั้งสองด้าน  แล้วนำไปนึ่งวางบนตะไคร้ในซึ้ง เพื่อดับความคาว ใช้เวลานึ่งไม่นาน ประมาณ 15 นาที ก็จะได้ปลาที่สุกขาวน่ารับประทาน ที่ทานกับผักลวก หรือผักนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว แตงกวา ใบทองหลาง ใบโหรพา มะเขือเปราะ และผักอื่นๆได้อีกมากมาย จิ้มกับแจ่วแนวอีสาน ที่ทำได้โดยโขลกพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม เข้าด้วยกันพอหยาบ ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า และน้ำมะขามเปียก หรือจะทานปลาเนื้ออ่อนนึ่ง กับปลาร้าบอง และข้าวเหนียวร้อนๆ ก็ได้รสชาติความหวานของเนื้อปลา ทานแกล้มกับผักนึ่งที่มีประโยชน์มากมาย เป็นเมนูที่ทำง่าย อร่อยได้คุณค่าทางอาหาร

สูตรทำอาหาร สูตรนี้ทำง่ายใช้เวลาในการประกอบอาหารไม่นาน ปลาเนื้ออ่อนนึ่งร้อนๆ นิยมทานพร้อมกับผักนานาชนิด อร่อยได้โปรตีนจากเนื้อปลา ผักนึ่งช่วยลดไขมัน และแจ่วให้วิตามิน เป็นเมนูปลา เพื่อสุขภาพที่ทำได้ไม่ยาก สามารถทำทานเองได้ง่ายที่บ้าน เป็นอาหารที่ย่อยง่าย แถมไขมันก็ไม่สูงอีกด้วย 

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร ต้มแซ่บกระดูกอ่อน


สูตรการทำอาหาร "ต้มแซ่บกระดูกอ่อน" เมนุจัดจ้าน เสิร์ฟร้อนๆ ทานพร้อมกับข้าวสวย อาหารที่ใครหลายคนชื่นชอบ และสามารถทำกินเองได้ง่ายที่บ้าน การทำเมนูนี้ มีหลากหลายสูตรขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่น แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล ส่วนผสมหลักเลยของเมนูนี้ คือ กระดูกหมูอ่อน และกระดูกหมูธรรมดาปนกัน เพราะตัวกระดูกหมูธรรมดานี้ จะช่วยให้น้ำซุปมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม

ต้มแซ่บกระดูกอ่อน สูตรอาหารอีสาน สูตรนี้ขอแนะนำเป็นต้มแซ่บกระดูกอ่อนใส่ข้าวคั่ว เพราะจะให้รสชาติความเป็นอาหารอีสานยิ่งขึ้น ด้วยกลิ่นหอมของข้าวคั่ว บวกกับกลิ่นหอมของผักสมุนไพร ได้รสต้มแซ่บที่อร่อยไปอีกแบบ สำหรับส่วนประกอบและเครื่องปรุงมีดังนี้ กระดูกหมู ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด ผักชีฝรั่ง พริกขี้หนูสวนใส่ตามความเผ็ดที่เราชอบทาน ข้าวคั่ว น้ำปลา มะนาว และน้ำเปล่า


ขั้นตอนและ สูตรทำอาการ ต้มแซ่บกระดูกอ่อน
1.ตั้งหม้อด้วยไฟปานกลาง พอน้ำเดือด เติมกระดูกที่ล้างให้สะอาดแล้วพอน้ำเริ่มเดือดมีฟองขาวๆ ให้ช้อนฟองที่อยู่บนผิวน้ำออกให้เหลือน้อยที่สุด ลดไฟลง ใช้ไฟอ่อนๆ ต้มไปเรื่อยๆ ประมาณ 40 นาที จนกระดูกหมูเริ่มเปื่อย แล้วใส่ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไป ต้มต่ออีกประมาณ 10 นาที
2.ปรุงรสด้วยมะนาว พริกขี้หนูสวนทุบพอแตก ปรุงรสตามความชอบใครชอบเผ็ดเปรี้ยว ก็เติมพริกและมะนาวเพิ่มได้เสร็จแล้วก็ใส่ผักชีฝรั่ง และข้าวคั่วลงไป คนให้เข้ากัน ปิดไปพร้อมเสิร์ฟ

เสร็จแล้วกับ สูตรการทำอาหาร ง่ายๆ กับเมนูต้มแซ่บกระดูกอ่อน ต้มแซ่บอร่อย รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด เค็มกำลังดี ชูรสน่าทานด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรและข้าวคั่ว เมนูนี้นอกจากกระดูกอ่อนแล้ว สามารถเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบอย่างอื่นก็ได้ เช่น ขั้วตับหมู ซึ่งเป็นเนื้อหมูส่วนที่มีเอ็นบางๆ  ติดอยู่ด้วย หรือถ้าใครที่ไม่ทานหมู จะเปลี่ยนไปใช้ไก่แทนก็ได้ค่ะ อร่อยไม่แพ้กัน

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร หมกหน่อไม้


สูตรการทำอาหาร "หมกหน่อไม้" หน่อไม้นั้นสามารถนำมาทำเป็นเมนูอาหารได้หลายชนิด ทั้งต้ม แกง ผัด หรือจะต้มสุกทานกับกับแจ่วก็ได้ หน่อไม้เป็นอาหารที่ให้เส้นใยสูง ช่วยลดการเกิดมะเร็งในลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร และป้องกันอาหารท้องผูก ยิ่งในช่วงหน้าฝนหน่อไม้ยิ่งมีเยอะ ชาวบ้านนิยมนำมาทำหน่อไม้ดอง เป็นการถนอมอาหารเก็บไว้ได้นาน และสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูเช่นกัน

 การทำหมกหน่อไม้ สูตรอาหารอีสาน นั้นนิยมใช้หน่อไม้สด นำไปต้มทั้งหน่อให้จืดก่อน จากนั้นนำส้อมมาขูดหน่อไม้ให้เป็นเส้นๆ เสร็จแล้วนำพริกสด หอมแดง ตะไคร้ ข้าวเบือ โขลกรวมกันพอละเอียด นำหน่อไม้มาคลุกเคล้ากับน้ำย่านาง และเครื่องเทศที่ตำละเอียดแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ใส่ใบแมงลักลงไป หรือจะเติมเนื้อสัตว์ลงไปก็ได้ เช่น ไก่ หมูสามชั้น เป็นต้น คลุกส่วนผสมให้เข้ากัน ตักหน่อไม้ห่อใส่ใบตอง แล้วนำไปนึ่ง ประมาณ 15 นาที ให้สุก

เมื่อหมกหน่อไม้สุกแล้ว แกะใส่จานทานกับข้าวเหนียวร้อนๆ อร่อยได้รสอีสาน กลิ่นหอมปลาร้าและเครื่องเทศสมุนไพรไทย กลิ่นเฉพาะของใบย่านาง ที่มีสีเขียวเพิ่มสีสันให้หมกหน่อไม้น่าทานยิ่งขึ้น สูตรทำอาหาร การหมกหน่อไม้ สิ่งสำคัญคือใบตองต้องเช็ดให้สะอาด การห่อให้พับด้านบนขึ้น และพับหัวท้าย กลัดด้วยไม้กลัด  ถ้าใครไม่มีใบตองแนะนำให้ใช้ฟอยล์แทนก็ได้


วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร เมนูอีสานไก่ย่างสมุนไพร


สูตรการทำอาหาร อีสาน ไก่ย่างสมุนไพร ไก่ย่าง นับว่าเป็นเมนูอาหารยอดฮิต ที่คนนิยมรับประทานกับ ส้มตำ สามารถรับประทานได้ทั้งอาหารจานหลัก อาหารว่าง หรือจะใช้เป็นเมนูกับแกล้มก็อร่อยได้เช่นกัน ไก่ย่างสมุนไพร นั้นนิยมใช้ไก่บ้าน เนื้อจะอร่อย เมื่อนำไปทำเป็น ไก่ย่างสมุนไพร ยิ่งเพิ่มความอร่อยขึ้นไปอีก ผสมกับเครื่องสมุนไพรไทย อย่าง พริกไทย กระเทียม และตะไคร้ที่ช่วยเพิ่มความหอมในการประกอบอาหาร นอกจากนี้ตะไคร้ ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือดลม อาการฟกช้ำ และในทางเกษตรกรรมตะไคร้ยังช่วยป้องกันกำจัดศัตรูพืชบางชนิดอีกด้วย

ส่วนผสมการทำไก่ย่างสมุนไพร สูตรการทำอาหาร หลักๆเลย ที่ขาดไม่ได้ คือ เครื่องเทศที่จะนำมาหมักกับไก่ก่อนนำไปย่าง คือ ตะไคร้หั่นฝอย กระเทียม รากผักชี พริกไทยเม็ด ข่า และก็เกลือป่น มาโขลกให้ละเอียด ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส เสร็จแล้วนำไก่ มาควักเอาเครื่องในออก แล้วล้างให้สะอาด ตัดส่วนขา หัวทิ้ง จากนั้นนำไก่ไปคลุกเคล้ากับเครื่องสมุนไพรที่โขลกจนละเอียดแล้ว นำมาหมักให้เข้าเนื้อ ประมาณครึ่งชั่วโมง จนเนื้อไก่นิ่มได้ที่ นำไก่ที่หมักแล้วไปย่างบนเตาถ่านด้วยไฟอ่อนจนสุกสีเหลือง หรือจะนำเนื้อไก่ห่อฟอยล์ ก่อนนำไปย่างก็ได้ วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้เนื้อไก่ไหม้เกรียม


สูตรทำอาหาร เมนูไก่ย่างสมุนไพร นอกจากจะได้ความอิ่มอร่อยแล้ว สูตรนี้ยังช่วยขับลม แก้ท้องอืด ทำให้รู้สึกสบายท้องเป็นเมนูอาหารที่ทำง่าย จะทานกับส้มตำ หรือน้ำจิ้มแจ่วก็ได้เช่นกัน เหมาะสำหรับใครที่เบื่อเมนูทอดๆ หันมาทานอาหารย่าง สูตรสมุนไพร ที่มีกลิ่มหอมเป็นเอกลักษณ์ทานคู่กับอะไรก็อร่อย

วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร เค็มบักนัด


สูตรการทำอาหาร เค็มบักนัด เป็นอาหารแปรรูปจากปลา ด้วยวิธีการดองเค็ม เป็นอาหารพื้นบ้านโบราณของชาวอุบลราชธานี เค็มบักนัด เป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารจากชาวบ้าน เพื่อให้สามารถเก็บไว้ทานได้หลายปี และคำว่า เค็มบักนัด เป็นภาษาท้องถิ่นชาวอีสาน แปลมาจากคำว่า เค็มหมากนัด หมากนัดก็คือสับปะรด ซึ่งจะออกเสียงกันสั้นๆ เป็นบักนัดนั่นเอง

สูตรอาหารอีสาน ง่ายๆกับการทำเค็มบักนัด นิยมใช้ปลาเทโพ หรือสวายติดหนัง นำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ คลุกเคล้ากับเกลือสินเธาว์ หรือเกลือไอโอดีนก็ได้ และที่ขาดไม่ได้คือ เนื้อสับปะรดสุกเนื้อหวานฉ่ำสับละเอียด นำมาคลุกกับปลาให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วบรรจุในภาชนะปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ประมาณ 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็สามารถนำมารับประทานได้ รสชาติของเค็มบักนัด นั้นจะออกเปรี้ยวๆ เค็มๆ หวานสับปะรด อร่อยลิ้น การทานเค็มบักนัด นิยมหั่นพริกสด กระเทียม หอมแดงรับประทานดิบๆ เลย หรือจะนำไปนึ่งก่อนก็ได้ แต่อย่าใช้เวลานึ่งนาน เพราะเค็มบักนัดจะละลายเป็นเนื้อเดียวกัน และเค็มบักนัดสามารถนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารอื่นๆได้เช่นกัน อาทิ ตุ๋นเค็มบักนัด ยำเค็มบักนัด และหลนเค็มบักนัด ที่อร่อยง่ายๆ เพียงซอยหอมแดงพริกขี้หนูโรยหน้าทานกับข้าวสวยร้อนๆ ได้ทันที

เค็มบักนัด เป็นอาหารพื้นบ้าน ซึ่ง สูตรทำอาหาร ก็เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี คือการถนอมอาหารจากปลาในฤดูที่ปลามีมาก ที่ใช้ส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ไร้สารเคมี และที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ก็มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปจากปลาบ้านด่านใหม่ เป็นการทำเค็มบักนัดจากปลาเทโพ ซึ่งเป็นสินค้าโอทอประดับ 5 ดาว ที่มีสูตรดั้งเดิมมาจากบรรพบุรุษ และได้มีการปรับสูตรให้ถูกอกถูกใจผู้บริโภค นับว่าเป็นอาหารพื้นบ้านที่อยู่คู่ชาวอุบลมานาน

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหารอีสาน เมนูลาบเป็ด



สูตรการทำอาหาร อีสาน “ลาบเป็ด” เนื้อเป็ดรวนพอสุก นำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ที่ได้รสชาติแซบจัดจ้าน ได้กลิ่นหอมของข้าวคั่วและผักชีฝรั่ง การจะทำลาบเป็ดให้อร่อยต้องพิถีถันเป็นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกใช้เป็ด ต้องเป็นเป็ดพื้นเมืองเท่านั้น ไม่นิยมใช้เป็ดเทศ เพราะมีกลิ่นสาบและมีมันมาก ในเป็ดหนึ่งตัว สามารถนำไปทำอาหารได้เกือบทุกส่วน เช่น เนื้อบริเวณ อก และน่อง สะโพก หนัง และเครื่องใน ส่วนพวกนี้เราจะนำไปทำลาบเป็ด ส่วนกระดูกติดเนื้อ คอ หลัง นำไปทำต้มยำ แบบต้มแซบหรือนำไปทอดให้กรอบ และส่วนปีก ก้น หัวผ่าครึ่ง นำไปคลุกเกลือ ย่างไฟปานกลางให้กรอบ เป็นต้น

สูตรอาหารอีสาน กับการทำเมนูลาบเป็ด เครื่องปรุงสำหรับทำลาบมี ดังนี้ ข่า  ตะไคร้  ใบมะกรูด พริกป่น ข้าวคั่ว  มะนาว  หอมต้น  หอมแดง กระเทียม ผักชี  ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ และน้ำปลา



สูตรทำอาหาร อีสานเมนูลาบเป็ด
1. นำข่าไปคั่วในกระทะให้หอม แล้วนำเนื้อเป็ดที่สับละเอียด หรือหั่นเป็นชิ้นก็ได้ รวนให้สุก ตักใส่ชามสำหรับปรุง
2.ปรุงรสด้วย น้ำปลา พริกป่น มะนาว และข้าวคั่วป่น ปรุงรสตามใจชอบ เสร็จแล้วเติมหอมแดงซอย ผักชีซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3.ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ หอมแดงเจียว พริกแห้งคั่ว และใบมะกรูดทอด ทานพร้อมกับผักเคียง


วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร แกงอ่อมไก่



สูตรการทำอาหาร แกงอ่อมไก่ เป็นเมนูอาหารอีสานพื้นบ้านที่กลิ่นที่หอมของผักชี อาหารที่รวมสมุนไพรนานาชนิด ได้รสความเป็นอีสาน เมื่อทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ การอ่อม คือ การนำเอาเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ปลา ไก่ เนื้อ และสำหรับเมนูที่นิยมนี้เราจะใช้ไก่บ้าน ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ เนื้อแน่น ไขมันน้อยกว่าไก่ทั่วไปในท้องตลาด นอกจากนี้ไก่ยังให้คุณค่าทางอาหารคือ โปรตีน และแคลเซียมจากกระดูกอ่อนไก่

แกงอ่อมไก่ นับเป็นแกงพื้นบ้านของชาวอีสาน ที่นิยมใส่ผักหลากหลายชนิด ผักแต่ละชนิดก็มีกลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกันไป เมื่อผสมกับน้ำปลาร้า และข้าวเบือแล้ว รสชาติจะออกเค็ม ได้กลิ่นหอมของผักชีลาว ซึ่งกลิ่นของแกงอ่อมก็เป็นเอกลักษณ์ของอาหารอีสานโดยแท้ สูตรอาหารอีสาน การทำแกงอ่อมไก่มีวัตถุดิบ และขั้นตอนดังนี้

1. ขั้นแรกเตรียมเครื่องแกง สำหรับทำแกงอ่อมก่อน สิ่งที่ต้องเตรียม คือ ตะไคร้ พริกแดง หัวหอม นำมาโขลกรวมกันให้ละเอียด
2. เติมน้ำใส่หม้อเล็กน้อย ตั้งไฟ พอเริ่มเดือดใส่พริกแกง ลงไปรวนให้หอม เติมเนื้อไก่บ้านที่สับเป็นชิ้นแล้ว พอไก่เริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา เติมน้ำเพิ่มตั้งหม้อต่อจนแกงเริ่มเดือดอีกครั้ง ใส่ข้าวเบือลงไป (ข้าวเบือ คือ ข้าวเหนียวแช่น้ำ แล้วนำไปตำให้ละเอียด) ตามด้วยน้ำปลาร้า
3. เมื่อไก่เริ่มสุกได้ที่ ก็เติมผักสดลงไป ได้แก่ กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ผักชีลาว หรือ ผักอื่นๆ เช่น ใบแมงลัก ใบชะพลู มะเขือ เป็นต้น

เสร็จแล้วกับ สูตรทำอาหาร แกงอ่อมไก่ ตักใส่ชามรับประทานร้อนๆ เป็นเมนูที่รวมสารพัดผักเข้าไว้ด้วยกัน มีคุณค่าจากสมุนไพร และมีกลิ่นหอมของผักชีลาว ที่เป็นเอกลักษณ์ของอาหารอีสาน ผักต่างๆ นอกจากจะช่วยให้มีอาหารมีรสชาติที่อร่อยแล้ว ผักยังมีเบต้าแคโรทีนที่สูง แล้วยังให้ใยอาหารต่างๆ และสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย เมนูนี้จึงนับว่าเป็นเมนูที่น่าสนใจมาก อร่อย และเสริมสร้างสุขภาพได้