วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร แกงกระหรี่ไก่




สูตรการทำอาหาร แกงกระหรี่ไก่ อาหารไทยภาคกลางที่ได้รับอิทธิพลมาจากแกงมัสล่าของอินเดียใต้ น้ำแกงนุ่มรสชาติกลมกล่อม เครื่องเทศหลักๆที่ใช้ในแกงกะหรี่ ได้แก่ ลูกผักชี ยี่หร่า พริกป่นอินเดีย พริกไทยป่น ขมิ้น ลูกกระวาน กานพลู ลูกจันทร์อบเชย แกงกระหรี่ไก่เค้าจะใช้ส่วนสะโพกของไก่ชิ้นโต ถ้าไปทานตามร้านบางร้านจะเสิร์ฟแกงกระหรี่ไก่กับน้ำจิ้มข้าวหมกไก่ แต่ถ้าเป็นแบบไทยๆ นิยมทานกับน้ำจิ้มอาจาด น้ำจิ้มข้นสีใส ออกรสเปรี้ยวๆ หวาน และเค็มนิดๆ เพิ่มกลิ่นหอมด้วยหอมแดงสีสันสดใสน่าทาน น้ำจิ้มอาจาดนี้นอกจากจะใช้ทานคู่กับแกงกระหรี่แล้ว ยังนิยมทานคู่กับหมูสะเต๊ะ ทอดมันปลากราย และปอเปี๊ยะทอด

สูตรทำอาหาร แกงกะหรี่ไก่ หรือที่ฝรั่งนิยมเรียกว่า Yellow Curry Chicken แกงน้ำสีเหลืองๆ ทานคู่กับมันฝรั่ง ราดด้วยน้ำจิ้มอาจาด และแตงกวาหั่นเป็นชิ้นบาง อร่อยจนหยุดไม่อยู่กันเลย ต่อไปเรามาดูส่วนผสม และวิธี สูตรการทำอาหาร เมนูแกงกระหรี่ไก่ เริ่มจากเตรียมส่วนผสมก่อน สูตรนี้เราจะใช้เนื้อไก่ส่วนสะโพก ประมาณ 5 ชิ้น นำมาสับเป็นชิ้น มันฝรั่ง 1 หัว ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเท่าลูกเต๋า และหอมหัวใหญ่ 1 หัว หั่นเป็นสี่ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนเครื่องปรุงก็จะมี น้ำพริกแกงกระหรี่ 2 ช้อนโต๊ะหัวกะทิ 1 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บเพิ่มความหวาน

วิธีและขั้นตอนการทำแกงกระหรี่ไก่
1. เริ่มแรกเราจะเคี่ยวหัวกะทิให้แตกมันก่อน ใช้ไฟร้อนปานกลาง เมื่อกะทิเริ่มแตกมัน จากนั้นก็นำน้ำพริกแกงกระหรี่ลงไปผัดต่อ จนมีกลิ่นหอม
2. เมื่อพริกแกงกระหรี่เริ่มมีกลิ่นหอมได้ที่ นำเนื้อไก่ลงไปผัดให้น้ำพริกแกงกระหรี่ซึมเข้าไปในเนื้อไก่ แล้วเติมหางกะทิ เพิ่มไฟให้ร้อน และคนให้เข้ากัน
3. เมื่อน้ำแกงเริ่มเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ลดไฟลงเมื่อปรุงรสได้ที่แล้ว เคี่ยวต่ออีกสักพัก ประมาณ 10 นาที
4. เติมมันฝรั่ง และหอมหัวใหญ่ ใช้ไฟอ่อนๆ คนให้เข้ากัน เคี่ยวต่อให้มันฝรั่งนุ่ม ประมาณ 10 นาที เสร็จตักเสิร์ฟ พร้อมน้ำจิ้มอาจาด ทานกับข้าวสวยร้อนๆ เมนูอร่อยที่ทำไม่ยากเลย

สูตรการทำอาหาร เมนูนี้ต้องขอบอกว่าอร่อย และต้องยกนิ้วให้เลย รับรองได้เลยว่าแกงกะหรี่ไก่ คงเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายๆคน เพราะแกงกะหรี่ไก่ มีรสชาติอร่อย น่าทานมากๆ จากกลิ่นหอมของเครื่องเทศ และสมุนไพรไทย ยี่หร่าคั่ว ผงกะหรี่  ลูกผักชีคั่ว แถมด้วยเนื้อไก่นุ่มน้ำแกงกะหรี่ไก่เข้มข้นรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ เป็นเมนูอิ่มอร่อยที่ทำง่ายๆ

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร แกงอ่อมปลาดุก


สูตรการทำอาหาร เมนูรสแซบ แนวอีสานแท้ ๆ “แกงอ่อมปลาดุก” การอ่อมก็คล้ายๆ กับแกงคั่ว แต่จะมีลักษณะน้ำข้น ใส่ผักหลายชนิดรวมกัน สามารถนำเนื้อสัตว์ทุกชนิด มาทำเป็นแกงอ่อมได้ ในการทำแกงอ่อมของทางภาคอีสานนิยมใส่ใบมะระขี้นก จะให้รสชาติขม และเพิ่มความเป็นอาหารอีสานด้วยน้ำปลาร้า


สูตรอาหารอีสาน วิธีทำแกงอ่อมปลาดุก นำปลาดุกมาล้างให้สะอาด เสร็จแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ พักไว้ จากนั้นเราก็มาเตรียมเครื่องแกง สำหรับทำแกงอ่อมโดยการนำ พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ตะไคร้หั่น นำมาโขลกรวมกันเติมเกลือลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ตำละเอียดง่ายขึ้น จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำเปล่า รอให้เดือดใส่เครื่องแกง ข้าวเบือ (ข้าวเหนียวแช่น้ำที่ตำละเอียด) เพื่อให้น้ำแกงมีความข้นเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ปลาร้าเป็นวัตถุดิบหลัก สำหรับการทำอาหารอีสานที่ขาดไม่ได้ เสร็จเติมผักลงไป แนะนำว่าควรใส่ผักที่สุกช้าลงไปก่อน เช่น มะเขือพวง มะเขือเปราะ ชิมรสถ้าแกงอ่อมจืดไป เติมปลาร้าหรือน้ำปลาเพิ่มได้ แล้วใส่เนื้อปลาดุกที่สับเป็นชิ้นลงไปในหม้อแกง พยายามไม่คน เพราะจะทำให้มีกลิ่นเหม็นคาวปลา รอสักพักให้ปลาสุก จึงเติมผักชีลาว ต้นหอม หรือผักอื่นๆ อีกก็ได้ ใส่ใบแมงลักสุดท้าย ใช้ทัพพีกดให้ผักจมน้ำ ปิดฝาหม้อไว้สักครู่ให้ผักสุก ตักเสิร์ฟ ร้อนๆ ทานกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวย


สูตรทำอาหาร อีสานง่ายๆ ในการทำแกงอ่อมปลาดุก ชาวบ้านจะนิยมใส่ยอดผักต่างๆ ลงไป เช่น ใส่ใบพริก ยอดฟักทอง ใบตำลึง ผักชีลาว ซึ่งยอดผักต่างๆ มีประโยชน์มากมายทั้ง ใยอาหาร เบต้าแคโรทีน ที่จะเปลี่ยนมาเป็นวิตามินเอในร่างกายของเรา รวมทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย เป็นเมนูอาหารอีสานรสแซบที่คนนิยมทานกับข้าวเหนียว และยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพอีกด้วย

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร ก้อยไข่มดแดง


สูตรการทำอาหาร ก้อยไข่มดแดง”เป็นเมนูอาหารของชาวอีสาน ไข่มดแดงที่หายากพอสมควร เพราะไข่มดแดงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีน้อยลง แถมราคาก็แพงมาก ลักษณะของไข่มดแดง เป็นไข่ผสมกับตัวอ่อนในระยะดักแด้ ไข่มดแดงให้ประโยชน์ทางด้านโภชนาการมากมาย มีโปรตีนสูง นอกจากนี้ไข่มดแดงยังมีปริมาณไขมัน และแคลอรี่น้อยมาก เมื่อเทียบกับไข่ไก่ นอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ไข่มดแดงยังสามารถนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารได้หลายประเภท ได้แก่ ยำไข่มดแดง ก้อยไข่มดแดง ห่อหมกไข่มดแดง ต้มยำปลาช่อนไข่มดแดง ห่อหมกไข่มดแดง แกงขี้เหล็กไข่มดแดง ทอดใส่ไข่มดแดง เป็นต้น

สูตรอาหารอีสาน วันนี้ขอนำเสนอเมนูที่ทำง่าย อร่อยและให้โภชนาการสูง คือ ก้อยไข่มดแดง วิธีทำไม่ยุ่งยากเริ่มจากนำไข่มดแดงที่ได้มา ล้างให้สะอาดต้องทำเบามือ เพราะไข่จะแตก รอให้สะเด็ดน้ำ นำไข่มดแดงใส่ลงในชามปรุง เติมพริกป่น หรือพริกสดหั่น มากน้อยตามความเผ็ด ใครที่ไม่ชอบรสจัดก็ลงปริมาณลงตามความเหมาะสม ตามด้วยข้าวคั่ว น้ำปลา ผงชูรส และน้ำมะนาว ปรุงรสปรับรสชาติตามความชอบ เสร็จแล้วเติมหอมแดงหั่นแว่น ผักชีฝรั่ง หรือต้นหอมหั่นฝอย คนเบาๆ ให้เข้ากัน ตักเสิร์ฟใส่จานตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ ได้เป็นเมนูอีสานรสแซบ ก้อยไข่มดแดง ทานกับข้าวเหนียว และผักเคียง


สูตรทำอาหาร เมนูนี้บางสูตรจะใส่ตัวมดแดง หรือที่เรียกว่า แม่เป้ง เพื่อให้เกิดรสเปรี้ยวที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งเราสามารถมาใช้แทนได้โดยไม่ต้องใส่น้ำมะนาว การทำก้อยไข่มดแดง ก็คล้ายๆ กับการทำลาบหมู หรือลาบทั่วๆ ไป เมนูอร่อยที่ได้คุณค่าทางโภชนาการ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญ การนำไข่มดแดงมาปรุงอาหารต้องล้างให้สะอาด ก่อนนำมาปรุงประกอบอาหาร จะช่วยป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรคได้

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรทำอาหาร ปลาร้าบอง


สูตรการทำอาหาร เมนูอีสานแท้ๆ ปลาร้าบอง ทำง่าย และเป็นอาหารพื้นบ้านที่คนนิยมชอบทานกับผักลวกนานาชนิด ให้รสชาติอร่อย และให้เอกลักษณ์ของความเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวอีสาน ในการปรุงแต่งอาหารเก็บไว้ได้นาน และมีหลากรสชาติ ซึ่งในทุกครัวเรือนจะทำปลาร้าบอง หรือแจ่วบอง ไว้ทานเองเกือบทุกบ้าน อยู่ที่ว่าสูตรของใครจะให้รสชาตีที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความชอบ

สูตรทำอาหาร ปลาร้าบองให้อร่อยเด็ด ก็จะมีสมุนไพรต่าง ๆ เป็นส่วนผสมไม่ว่าจะเป็น หอม กะเทียม ข่า ตะไคร้ พริก มะขามเปียก ซึ่งล้วนแล้วแต่ให้สรรพคุณในการเป็นยาสมุนไพรทั้งนั้น

ส่วนผสมเครื่องปรุงและวิธีทำ ปลาร้าบอง
1.ปลาร้า ใช้ปลาร้าที่ทำจากปลาช่อน นำมาล้างทำความสะอาด และสับให้ละเอียด แล้วนำไปนึ่งให้สุก
2.พริกขี้หนูแห้ง หอมแห้ง กระเทียม ตะไคร้หั่นฝอย ข่าหั่นเป็นแว่น ใบมะกรูดหั่นฝอย นำไปคั่วให้สุกพอหอม
3. น้ำมะขามเปียก
4. นำเนื้อปลาร้าที่นึ่งสุก มาโขลกรวมกับเครื่องเทศที่คั่วแล้ว มีพริกแห้ง หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด โขลกให้ละเอียดปรุงรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะขามเปียก แทนการใช้มะนาว ถ้าใช้มะนาวปลาร้าบองจะเน่าเสียได้ง่าย เมื่อปรุงรสได้ตามที่ชอบ ตักบรรจุภาชนะ เก็บไว้ในตู้เย็นเก็บได้นานเป็นเดือน



สูตรอาหารอีสาน การทำปลาร้าบอง ปลาร้าที่นำมาทำต้องสะอาด ผ่านการหมักมาไม่น้อยกว่า 1 ปี และควรใช้ปลาร้าปลาช่อน เพราะมีเนื้อนุ่มและหาได้ง่ายตามท้องตลาด ปลาร้าบอง เป็นอาหารพื้นเมืองของไทยเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ มีเส้นใยสูง เพราะนิยมทานคู่กับผักสดและผักนึ่งสุก มีคุณค่าทางโภชนาการทั้ง วิตามิน เกลือแร่ เอนไซม์ กรดไขมัน แถมยังเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ และพัฒนาให้อาหารไทยอยู่คู่คนไทยตลอดไป

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรทำอาหาร แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง


สูตรการทำอาหาร "แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง" เป็นอาหารอีสานตามฤดูกาล ถ้าเป็นผักหวานจะออกปีละครั้ง เช่นเดียวกันกับไข่มดแดง ในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม และมีราคาสูงมาก ปัจจุบันมีการพัฒนาการปลูกผักหวานให้ออกนอกฤดูกาล ปลูกง่ายและเติบโตเร็ว อายุต้นประมาณ 2 ปี ก็สามารถเก็บผลผลิตได้  


สูตรทำอาหาร อีสานในเมนูต่างๆ เครื่องปรุงก็จะคล้ายๆ กันในส่วนประกอบของเครื่องแกงก็จะมี พริกแห้ง ข่า เกลือ กะปิ กระเทียม หอมแดงเป็นต้น ต่อไปก็จะเป็นวัตถุดิบหลักๆ ของเมนูนี้ ยอดผักหวานป่า ใบแมงลัก ไข่มดแดง เนื้อปลาช่อน หรือปลาแห้ง แล้วแต่ชอบจะเลือกไม่ใส่ก็ได้

 

วิธีการทำแกงผักหวานใส่ไข่มดแดง
1.โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกัน ตั้งหม้อเติมน้ำ รอให้เดือดใส่เครื่องแกงลงไป ตามด้วยปลาช่อน หรือปลาแห้ง
2. ใส่ผักหวานป่า ไข่มดแดง ปรงรสด้วยปลาร้า น้ำปลา หรือเกลือ
3. พอผักเริ่มสุก ใส่ใบแมงลัก ปิดไฟ หรือใครชอบเครื่องเยอะ อาจใส่วัตถุดิบอื่นๆ เพิ่มได้ เช่น เห็ดขอนขาว เห็ดฟาง เป็นต้น เมื่อแกงสุกตักใส่ถ้วยพร้อมทาน ซดร้อนๆ แซบอร่อยในฉบับอาหารอีสาน

สูตรอาหารอีสาน เมนูนี้ถือได้ว่าเป็นเมนูที่เต็มไปด้วยสมุนไพรอีกเมนูหนึ่ง เนื่องจากผักหวานป่าเป็นผักพื้นบ้าน ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีธาตุอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามิน และเกลือแร่ ในผักหวานจะสูงกว่าผักชนิดอื่น ไข่มดแดง ก็เช่นกันมี โปรตีน ไขมัน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โซเดียม โปตัสเซียม วิตามินบี1 วิตามินบี2 และไนอาซีน ถึงแม้ว่าวัตถุดิบในการทำแกงผักหวานใส่ไข่มดแดง นอกจากจะมีราคาแพง แถมยังหายากอีกด้วย ยิ่งเป็นไข่มดแดง ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 500 บาท แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง จึงถือได้ว่าเป็นเมนูอาหารอีสานสุดหรูอีกเมนูหนึ่ง


สูตรการทำอาหาร ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้มแจ่ว


สูตรการทำอาหาร ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้มแจ่ว ปลาเนื้ออ่อนเป็นปลาน้ำจืดไม่มีเกล็ด ลักษณะส่วนตัวจะคล้ายกับปลาชะโอน พบได้ในหลายๆ ภาคทั่วประเทศ นับว่าเป็นปลาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เพราะคนนิยมนำมาประกอบอาหาร มีรสชาติอร่อย กลิ่นคาวก็น้อย สามารถนำมาเป็นอาหารได้หลายประเภท ทั้งทอด ต้ม นึ่ง จะนำไปอบให้ร้อน ทานกับน้ำจิ้มปลาธรรมดายังอร่อย หรือทำเป็นปลากรอบ ต้มโคล้งก็อร่อยได้เช่นกัน นับว่าเป็นวัตถุดิบ ที่สามารถรังสรรค์ออกมาได้หลายเมนู

ปลาเนื้ออ่อนนึ่งจิ้มแจ่ว เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวอีสานหาได้ง่ายตามแม่น้ำจืดใหญ่ๆ เป็นปลาที่ทานง่าย ก้างก็น้อยปลาเนื้ออ่อนสดสามารถทำอาหารได้หลายเมนู สูตรอาหารอีสาน เมนูนี้โดยการนำปลาเนื้ออ่อน มาล้างทำความสะอาด ใช้มีดบั้งลำตัวปลาให้เป็นแนวขวางทั้งสองด้าน  แล้วนำไปนึ่งวางบนตะไคร้ในซึ้ง เพื่อดับความคาว ใช้เวลานึ่งไม่นาน ประมาณ 15 นาที ก็จะได้ปลาที่สุกขาวน่ารับประทาน ที่ทานกับผักลวก หรือผักนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว แตงกวา ใบทองหลาง ใบโหรพา มะเขือเปราะ และผักอื่นๆได้อีกมากมาย จิ้มกับแจ่วแนวอีสาน ที่ทำได้โดยโขลกพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม เข้าด้วยกันพอหยาบ ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า และน้ำมะขามเปียก หรือจะทานปลาเนื้ออ่อนนึ่ง กับปลาร้าบอง และข้าวเหนียวร้อนๆ ก็ได้รสชาติความหวานของเนื้อปลา ทานแกล้มกับผักนึ่งที่มีประโยชน์มากมาย เป็นเมนูที่ทำง่าย อร่อยได้คุณค่าทางอาหาร

สูตรทำอาหาร สูตรนี้ทำง่ายใช้เวลาในการประกอบอาหารไม่นาน ปลาเนื้ออ่อนนึ่งร้อนๆ นิยมทานพร้อมกับผักนานาชนิด อร่อยได้โปรตีนจากเนื้อปลา ผักนึ่งช่วยลดไขมัน และแจ่วให้วิตามิน เป็นเมนูปลา เพื่อสุขภาพที่ทำได้ไม่ยาก สามารถทำทานเองได้ง่ายที่บ้าน เป็นอาหารที่ย่อยง่าย แถมไขมันก็ไม่สูงอีกด้วย 

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรการทำอาหาร ต้มแซ่บกระดูกอ่อน


สูตรการทำอาหาร "ต้มแซ่บกระดูกอ่อน" เมนุจัดจ้าน เสิร์ฟร้อนๆ ทานพร้อมกับข้าวสวย อาหารที่ใครหลายคนชื่นชอบ และสามารถทำกินเองได้ง่ายที่บ้าน การทำเมนูนี้ มีหลากหลายสูตรขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่น แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคล ส่วนผสมหลักเลยของเมนูนี้ คือ กระดูกหมูอ่อน และกระดูกหมูธรรมดาปนกัน เพราะตัวกระดูกหมูธรรมดานี้ จะช่วยให้น้ำซุปมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม

ต้มแซ่บกระดูกอ่อน สูตรอาหารอีสาน สูตรนี้ขอแนะนำเป็นต้มแซ่บกระดูกอ่อนใส่ข้าวคั่ว เพราะจะให้รสชาติความเป็นอาหารอีสานยิ่งขึ้น ด้วยกลิ่นหอมของข้าวคั่ว บวกกับกลิ่นหอมของผักสมุนไพร ได้รสต้มแซ่บที่อร่อยไปอีกแบบ สำหรับส่วนประกอบและเครื่องปรุงมีดังนี้ กระดูกหมู ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด ผักชีฝรั่ง พริกขี้หนูสวนใส่ตามความเผ็ดที่เราชอบทาน ข้าวคั่ว น้ำปลา มะนาว และน้ำเปล่า


ขั้นตอนและ สูตรทำอาการ ต้มแซ่บกระดูกอ่อน
1.ตั้งหม้อด้วยไฟปานกลาง พอน้ำเดือด เติมกระดูกที่ล้างให้สะอาดแล้วพอน้ำเริ่มเดือดมีฟองขาวๆ ให้ช้อนฟองที่อยู่บนผิวน้ำออกให้เหลือน้อยที่สุด ลดไฟลง ใช้ไฟอ่อนๆ ต้มไปเรื่อยๆ ประมาณ 40 นาที จนกระดูกหมูเริ่มเปื่อย แล้วใส่ตะไคร้ ใบมะกรูดลงไป ต้มต่ออีกประมาณ 10 นาที
2.ปรุงรสด้วยมะนาว พริกขี้หนูสวนทุบพอแตก ปรุงรสตามความชอบใครชอบเผ็ดเปรี้ยว ก็เติมพริกและมะนาวเพิ่มได้เสร็จแล้วก็ใส่ผักชีฝรั่ง และข้าวคั่วลงไป คนให้เข้ากัน ปิดไปพร้อมเสิร์ฟ

เสร็จแล้วกับ สูตรการทำอาหาร ง่ายๆ กับเมนูต้มแซ่บกระดูกอ่อน ต้มแซ่บอร่อย รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด เค็มกำลังดี ชูรสน่าทานด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรและข้าวคั่ว เมนูนี้นอกจากกระดูกอ่อนแล้ว สามารถเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบอย่างอื่นก็ได้ เช่น ขั้วตับหมู ซึ่งเป็นเนื้อหมูส่วนที่มีเอ็นบางๆ  ติดอยู่ด้วย หรือถ้าใครที่ไม่ทานหมู จะเปลี่ยนไปใช้ไก่แทนก็ได้ค่ะ อร่อยไม่แพ้กัน